

Myanmar

Korea

Hongkong

Xishuangbanna

Japan

Vietnam

India

Bhutan

Russia

Europe

England

France

Italy

Macau

Singapore

China

Beijing

Shanghai

Guangzhou

Bali

Brunei

Cambodia

Laos

Croatia

Turkey

Nepal

Maldives

America

Scandinavia

New Zealand

Australia

Africa

Taiwan

Jordan

Srilanka

Malaysia

Philippines
Travel Japan ทัวร์ญี่ปุ่น ชาเขียวญี่ปุ่น
ทัวร์ญี่ปุ่น Matcha & Sencha ชาเขียวญี่ปุ่น
ชาเขียวมีมากมายหลายชนิดขายอยู่ตามท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นของจีน ของฝรั่ง ของญี่ปุ่น ... แต่ส่วนมากเวลาใส่ลงไปในน้ำ สีของชาเขียวจะไม่เขียวเหมือนกับชาเขียวของญี่ปุ่น (แต่จะออกสีน้ำตาลอมเหลืองซะมากกว่า) และแน่นอนก็มีกลิ่นที่ต่างกันไปด้วย
พูดถึงชาเขียวญี่ปุ่น ... จริงๆ ก็มีอยู่มากมายหลายชนิดด้วยกัน แต่ชาที่มีชื่อเสียงอย่างมากก็เห็นจะเป็นชาเขียวแบบผงละเอียดมากๆ หรือที่เค้าเรียกกันว่า matcha ซึ่งปกติจะถูกใช้ในพิธีชงชาญี่ปุ่น และก็ในพวกไอติม ขนม และเครื่องดื่มต่างๆ ด้วย สาเหตุที่ matcha ถูกใช้อย่างแพร่หลายคงเป็นเพราะสีที่เขียวเข้มจัด และก็มีกลิ่นที่หอมเป็นเอกลักษณ์ ... การผลิตชาเขียว matcha ก็มีวิธีการที่แตกต่างไปจากการผลิตชาเขียวอื่นๆ เช่นกัน ... เริ่มต้นที่ทุ่งชาสีเขียวที่มีอายุพร้อมที่จะเก็บเกี่ยว
การที่ได้มาซึ่งชาที่มีกลิ่นและสีแบบนี้ ก่อนเก็บเกี่ยวต้องเอาอะไรมาคลุมป้องกันไม่ให้ชาได้รับแสงแดดโดยตรง (คงเพื่อให้มีสีและกลิ่นที่สวย) เป็นเวลาหลายอาทิตย์ ... ขั้นตอนนี้แหล่ะที่ทำให้ชาโตช้าลง ใบชาจะมีสีเขียวเข้มขึ้นกว่าเดิม และตอนนี้เองที่ชามีการสร้าง amino acids ขึ้น และจะส่งผลให้ให้ชามีรสชาติหวานขึ้นด้วย (ปริมาณ amino acid ที่ชื่อว่า theanine ที่มีรสหวานเพิ่ม ส่วน catechin ที่มีรสขมจะลดลง)
การเก็บเกี่ยวก็อาจจะเก็บด้วยมือ (หากเป็นชาเกรดสูง) เพื่อที่จะได้เลือกได้แต่ส่วนยอด และใบอ่อนจริงๆ
เมื่อเก็บเกี่ยวชาแล้ว ต้องเอาชาไปนึ่งก่อนที่จะนำไปผึ่งลมให้แห้ง ซึ่งตอนนี้ก็จะได้ชาที่เรียกว่า gyokuro ใบชาจะม้วนๆ สวยๆ ซึ่งเป็นชาราคาสูงมาก
ส่วนชาที่แห้งหงิกงอที่เรียกว่า tencha ซึ่งจะต้องนำไปบดละเอียดเป็น matcha ต่อไป
เมื่อ tencha ถูกนำไปโม่ (บดละเอียด) ด้วยครกหิน ออกมากลายเป็นผงละเอียดยิบที่เรียกว่า matcha ... ซึ่งเค้าว่ากันว่ากว่าจะได้ matcha ปริมาณ 1 ounce เนี่ย ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะเค้าว่า หากทำเร็วเกินจะทำให้รสชาติชาเสียได้ -_-' ... มิน่าล่ะ matcha ถึงได้ราคาแพงซะขนาดนั้น
แต่ก็ขึ้นอยู่กับ grade ของ matcha ด้วย ... แบบราคาถูกลงมาก็คงไม่ใช้เวลาในการบดนานขนาดนั้น หรืออาจจะใช้ใบแก่หน่อย หรือไม่ได้คัดเอาแกนใบชาออกไป ... หาก matcha ถูกแดดถูกลม สีเขียวสดๆ ก็จะเปลี่ยนไปเป็นสีติดน้ำตาลอมเขียวแทน ซึ่งแน่นอนว่ารสชาติและกลิ่นก็เปลี่ยนไปด้วย
อีกอย่างนึงคือ มีชาเขียวแบบผงหลายชนิด หากไม่ได้ทำมาจากชาที่เรียกว่า tencha ก็จะไม่เรียกว่า matcha แต่จะเรียกว่า konacha
พูดถึงเกรดของ matcha ก็ตามแต่ผู้ผลิตจะแบ่งออกไป คร่าวๆ ก็จะเป็น (1) เกรดสูงที่ใช้ในพิธีชงชาญี่ปุ่น ซึ่งจะเด็ดด้วยมือคน (ไม่ใช้เครื่องจักร) ราคาสูงมาก; (2) เป็นเกรดรองลงมา ใช้ดื่มทั่วๆ ไป ราคาก็รองลงมาด้วย; (3) เป็นเกรดล่างสุดที่มักจะใช้ผสมพวก smoothies, lattes, ice cream และขนมหวานอื่นๆ... เกรดนี้จะต่างตรงที่ว่าอาจจะไม่ได้เอาพวกก้านใบชาออก หรือใช้ส่วนโคนของใบ (เกรดสูงจะใช้แต่ยอดๆ) กลิ่นและรสชาติก็จะไม่ดี (เข้มข้น) เท่ากับแบบเกรดสูงๆ ราคาก็รองลงมาด้วย
matcha ไม่เพียงแต่มีรสชาติและกลิ่นที่ติดใจหลายๆ คน แต่ matcha ยังดีต่อสุขภาพอีกด้วยเหมือนกับชาเขียวอื่นๆ คือ มี L-theanine ซึ่งส่งผลให้สมองผ่อนคลาย และเมื่อสมองผ่อนคลาย ความกังวลหายไป ก็จะทำให้เกิดสมาธิขึ้นมา และสดชื่นขึ้นมาได้ ... ซึ่งเป็นความแตกต่างของกาแฟกับชาที่มีคาเฟอีนเหมือนกัน (คือ กาแฟทำให้ตื่น แต่ไม่ผ่อนคลาย แต่ชาทำให้ตื่น รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย) ... ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งของ matcha กับ ชาเขียวชนิดอื่นๆ ก็คือ เราได้กินทุกๆ ส่วนของชา (ไม่เพียงแต่น้ำชา) ซึ่งจะทำให้เราได้รับประโยชน์ของชาอย่างเต็มที่กว่า ... ไม่ว่าจะเป็น vitamin A, B, C, E, K, Niacin, folate, riboflavin, thiamin และก็รวมไปถึงพวกแร่ธาตุต่าง และพวก amino acids ... และเป็นที่รู้ๆ กันดีว่า ชาเขียวเป็น antioxidant ชั้นเลิศทีเดียว
พูดถึง matcha ไปแล้ว ก็พูดถึง sencha อีกนิดนึง ... sencha เป็นอีกหนึ่งในชาเขียวที่เป็นที่นิยมดื่มในประเทศญี่ปุ่น คือใช้ดื่มประจำทุกๆ วัน ... รสชาติจะไม่หวานแบบ matcha และสีไม่เขียวสวยเหมือน matcha
คำว่า sen แปลว่า คั่ว ในภาษาจีน ... ซึ่งในประเทศจีน ชาประเภทนี้จะถูกนำไปคั่วหลังการเก็บเกี่ยว ... แต่ sencha ของญี่ปุ่นจะแตกต่างไปจากชาเขียวของจีนคือว่า ของญี่ปุ่นจะต้องเอาไปนึ่งก่อน (ไม่ถึงหนึ่งนาที) เพื่อป้องกันการ oxidation ของใบชา และกระบวนการนี้จะทำให้ใบชาม้วนตัวเป็นหลอดๆ อีกด้วย จากนั้นจึงนำไปทำให้แห้งอีกทีเพื่อให้เก็บรักษาคุณค่าไว้ได้นาน และก็ให้ได้กลิ่นชาที่หอมด้วย ... การนึ่งชาก่อนที่ทำให้แห้ง จะทำให้ชาญี่ปุ่นมีกลิ่นและรสชาติที่แตกต่างไปจากชาเขียวจีนด้วย คือจะมีกลิ่นเขียวๆ มากกว่า บางคนดื่มแล้วนึกถึงรสชาติซุปสาหร่าย และการนึ่งก็ยังทำให้ชามีสีเขียวจัด ไม่ออกเหลืองน้ำตาลเหมือนชาจีนอีกด้วย
หลายๆ ครั้ง ที่เรางกๆ เราก็จะใช้ sencha มาบด (ใช้ coffee grinder นี่แหล่ะ) บดๆ ได้เป็นผง ถึงจะไม่ละเอียดเหมือนกัน matcha (ไม่ใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ) แต่เราว่ารสชาติมันก็ใช้ได้นะ เอามาใส่นมสดเย็นๆ กิน มันอร่อยๆ หอมๆ ได้อารมณ์ดีไปอีกแบบ แถมยังได้กินใบชาทั้งใบ ได้คุณค่ามากกว่าการชงชาใบๆ แล้วทิ้งชาไปอีก ... ส่วนเวลาชงดื่มธรรมดา เราจะตั้งน้ำให้เดือด แล้วก็ทิ้งไว้ให้หายร้อนนิดนึงก่อน หากชงน้ำร้อนจัด จะทำให้สีชาไม่สวยเท่าไหร่ (ไม่ค่อยเขียว แต่จะออกเป็นเหลืองน้ำตาลแทน) แต่ถ้าทิ้งน้ำร้อนไว้ซักพัก เราก็ไม่รู้ว่าอุณหภูมิเท่าไหร่ดี แต่กานึง เราทิ้งไว้ราวๆ ครึ่งชั่วโมง จะได้อุณหภูมิน้ำที่พอเหมาะเลยทีเดียว
เที่ยวน่ารู้ทัวร์ญี่ปุ่นอื่นๆ
• ทัวร์ญี่ปุ่น เงิน "เยน" ของญี่ปุ่น
• ทัวร์ญี่ปุ่น การทิ้งขยะของชาวญี่ปุ่น
• ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยววัดในญี่ปุ่น
• ทัวร์ญี่ปุ่น Matcha & Sencha ชาเขียวญี่ปุ่น
• ทัวร์ญี่ปุ่น ชุดประจำชาติของญี่ปุ่น
• ทัวร์ญี่ปุ่น มารยาทในการรับประทานอาหารญี่ปุ่น
• ทัวร์ญี่ปุ่น ซูโม่ กีฬาประจำชาติญี่ปุ่น